Construct Validity ความตรงเชิงโครงสร้าง
- Nott Panik Senariddhikrai

- May 25
- 2 min read

Outline:
“Construct Validity คืออะไร? เข้าใจง่าย ใช้ได้จริงในงานวิจัยเชิงปริมาณ”
1.Construct Validity คืออะไร?
.
ทวนความ validity เล็กน้อย คือ การวัดความตรงของข้อคำถามในเครื่องมือวิจัย เช่น แบบสอบถาม ว่าข้อคำถามแต่ละข้อนั้น ตรงกับเรื่องที่ทำหรือไม่ ตรงกับหัวข้อ (ตัวแปร) นั้นๆ หรือไม่ เช่นการตรวจสอบด้วย IOC โดยใช้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ให้คะแนนความตรง เรียกว่า content validity ในขณะที่ Construct Validity หรือความตรงเชิงโครงสร้าง คือ การวัดความตรงของข้อคำถามด้วยตัวเลข ให้ตัวเลขเป็นคำตอบ ด้วยการทดสอบ CFA
.
ขยายความเพิ่มเติม Construct Validity ก็คือการประเมินตัวแปรเชิงนามธรรม (ตัวแปรแฝง latent variable) ตามที่ทฤษฎีที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นตัวแปรที่ไม่สามารถสังเกตหรือวัดได้โดยตรง เช่น ส่วนประสมการตลาด การมีความส่วนร่วมของชุมชน หรือความพึงพอใจ จึงต้องสร้างเครื่องมือขึ้นมาวัด เช่น แบบสอบถาม โดยส่วนใหญ่เครื่องมือก็คือแบบสอบถามที่มีหลายข้อคำถามเพื่อวัดตัวแปรเหล่านี้ (นิยามปฎิบัติการ) โดยเฉพาะการใช้มาตรวัดแบบ Likert Scale 5 ระดับ การตรวจสอบ Construct Validity จึงเป็นการยืนยันว่าเครื่องมือที่เราสร้างขึ้นสามารถวัดสิ่งที่เราต้องการวัดได้จริงหรือไม่
.
2.ประเภทของ Construct Validity:
.
การจะทดสอบว่าตัวแปรมีความตรงเชิงโครงสร้างหรือไม่ เราจะทดสอบเป็น 2 ประเด็น คือ Convergent Validity และ Discriminant Validity
.
Convergent Validity: เป็นการทดสอบความเข้ากันได้ของตัวชี้วัดในแต่ละองค์ประกอบ วัดว่าองค์ประกอบนั้น ๆ ประกอบด้วยตัวชี้วัดเหล่านี้จริงหรือไม่ เช่น ตัวแปรความพึงพอใจ (Satisfaction) ประกอบไปด้วยตัวชี้วัด 5 ตัว Sat1-Sat5 เราทดสอบ convergent เพื่อดูว่า sat1-sat5 อยู่ภายใน Satisfaction จริงหรือไม่ ทดสอบด้วยค่า 2 ค่า คือ CR และ AVE
.
CR : composite reliability ซึ่งควรมีค่ามากกว่า 0.7 ขึ้น จึงถือว่าผ่านเกณฑ์ และ
AVE : average variance extraction ซึ่งควรมีค่ามากกว่า 0.5 ขึ้นไป จึงถือว่าผ่านเกณฑ์
.
Discriminant Validity: เป็นการทดสอบความต่างระหว่างองค์ประกอบ ก็คือองค์ประกอบ A ต่างจากองค์ประกอบ B หรือไม่ เช่น ความพึงพอใจในงาน กับ พฤติกรรมองค์กร เป็นคนละเรื่องกัน ความพึงพอใจก็มีตัวชี้วัดเป็นของตัวเอง และพฤติกรรมองค์กร ก็มีตัวชี้วัดเป็นของตนเอง เช่นกัน จึงวัดว่าทั้งสองเรื่องนั้น ต่างกันหรือไม่ เราทดสอบด้วยสูตรของ Forenell & Larcker 1981., Hair 2010. หรือ HTMT.
.
1) สูตรของ Forenell Larcker : ค่าในตาราง คือค่าสหสัมพันธ์ตัวแปรแฝง ส่วนค่าในแนวทแยง คือ √AVE
.
2) สูตรของ Hair 2010 ค่าในตาราง คือสหสัมพันธ์ยกกำลังสอง ส่วนค่าในแนวทแยงคือ AVE และ
.
3) HTMT: Heterotrait-Monotrait Ratio ควรมีค่าน้อยกว่า 0.85
.
แสดงตัวอย่างบางส่วน จากการวิเคราะห์ด้วย plugins AMOS
.

สรุปเกณฑ์ที่ใช้ตรวจสอบ ได้ดังนี้
convergent validity :
CR >=0.7
AVE >=0.5
discriminant validity :
Forenell & Larcker; √AVE > Latent correlation
Hair; AVE > Latent correlation square
HTMT <= 0.85
.
3.ตัวอย่างจากงานวิจัยจริง:
.
.
เป็นการทดสอบ Measurement model ในระดับ Second Order ว่าองค์ประกอบทั้ง 8 อยู่ภายใต้ SDL หรือไม่ โดยเราทำการทดสอบ CR, AVE, Discriminant เหล่านี้ จะทดสอบในระดับ first order. ลองดูผลลัพธ์จากบทความ
.

.

.
จะเห็นว่ามีการนำเสนอ CR และ AVE เพื่อบ่งบอกถึงความเข้ากันได้ของแต่ละองค์ประกอบ (SDL มี 8 องค์ประกอบ) ในระดับ first order จากนั้นทดสอบ Discriminant Validity เพื่อบ่งบอกถึงความต่างระหว่างองค์ประกอบ โดยใช้สูตรของ Forenell & Larcker, 1981. ซึ่งพบว่าค่าในแนวทแยงมีค่ามากกว่าค่าสหสัมพันธ์ในตาราง จึงสรุปได้ว่า องค์ประกอบทั้ง 8 มีความแตกต่างกัน
.
สรุป:
Construct Validity ทำเพื่ออะไร
Construct Validity เป็นขั้นตอนที่ควรทำเพื่อตรวจสอบความเหมาะสมขององค์ประกอบ เช่น วัด“ความพึงพอใจของลูกค้า” อันประกอบด้วยตัวชี้วัด Sat1-Sat5 เป็นตัวแทนเรื่องความพึงพอใจ จริงหรือไม่
เป็นขั้นตอนสำคัญก่อนทำ SEM เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องมือวัดแต่ละตัวมีคุณภาพ ตัวชี้วัดทุกตัวผ่านเกณฑ์ เหมาะสม เพราะถ้าวัดไม่ดีตั้งแต่ต้น การวิเคราะห์ SEM ก็จะให้ผลที่คลาดเคลื่อนได้
ข้อควรระวังในการรายงานผล Construct Validity
ควรแสดงรายละเอียดผลต่างๆ เช่น ค่า CR AVE Discriminant Validity เพื่อให้ผู้อ่านเห็นหลักฐานชัดเจนว่าเครื่องมือวัดมีความน่าเชื่อถือจริง บ่งบอกความสัมพันธ์ภายใน และความแตกต่างภายนอก
รายงานให้ถูกต้อง โดยเฉพาะค่า √AVE หรือ AVE ในแนวทแยง หรือ HTMT ใช้สูตรของใคร เพราะเป็นเกณฑ์สำคัญในการตัดสินว่าแต่ละตัวแปรมีความแตกต่างกันจริง
อ้างอิงทฤษฎีให้ชัดเจนในการเลือกใช้ตัวแปร มีเหตุผลรองรับในการเลือกตัวแปรเหล่านั้น
.
ต้องการเรียนสถิติ อยากปรึกษาสถิติทั้งเรื่อง Factor Analysis, CFA, SEM หรือเรื่องอื่นๆ สามารถติดต่อสอบถามเข้ามาได้เลย
.

'นึกถึงสถิติ นึกถึงเรา Smart Research Thai'
ร่วมติดตามได้ทุกช่องทาง
follow or subscribe in any channel
.
tel.086-555-5949
line: @SmartResearchThai
Blockdit: SmartResearchThai
Youtube: SmartResearchThai
Facebook: SmartResearchThai






การเดินทางไปโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ และปริมณฑลอาจใช้เวลานานและต้องวางแผนอย่างรอบคอบ บริการ เช่ารถตู้ไปโรงพยาบาล พร้อมคนขับ จึงเป็นทางเลือกที่ช่วยให้ผู้ป่วย ญาติ และผู้สูงอายุ เดินทางได้อย่างมั่นใจ ลดความกังวลเรื่องเส้นทาง ที่จอดรถ และการเปลี่ยนรถหลายต่อ เหมาะทั้งการไปพบแพทย์ตามนัด การทำหัตถการ การรับ–ส่งกลับบ้านหลังออกจากโรงพยาบาล และการตรวจสุขภาพประจำปี
จุดเด่นของบริการนี้คือความยืดหยุ่นและความเป็นส่วนตัว สามารถกำหนดเวลา สถานที่รับ–ส่ง และจำนวนจุดแวะได้ตามต้องการ พร้อมคนขับที่คุ้นเคยเส้นทางโรงพยาบาลหลัก ๆ และให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นอันดับแรก
เหตุผลที่ควรเช่ารถตู้ไปโรงพยาบาล
ลดความเสี่ยงการพลาดนัดหมาย: วางแผนเวลาออกเดินทางให้ถึงก่อนเวลาที่กำหนด
สะดวกสำหรับผู้สูงอายุ/ผู้ป่วย: ขึ้น–ลงรถง่าย นั่งสบายระหว่างเดินทาง
ความเป็นส่วนตัว: เดินทางพร้อมกันทั้งครอบครัวหรือผู้ดูแล
ยืดหยุ่น: เลือกแบบรอรับกลับได้ในเที่ยวเดียว หรือไปรอระหว่างทำธุระ
เหมาะกับเคสผ่าตัดเล็ก/ตรวจตามนัด/ทำกายภาพ/ฟอกไต/ฉีดวัคซีน
จองใช้งานอย่างไร
กำหนดวัน–เวลานัดหมายและจุดรับที่บ้าน/คอนโด/โรงแรม
ระบุปลายทางเป็นโรงพยาบาลหรือแผนกที่ต้องไป พร้อมแจ้งจำนวนผู้โดยสาร
เลือกว่าจะให้รอรับกลับทันทีหลังเสร็จธุระ หรือให้รับกลับตามเวลาที่กำหนด
ยืนยันการจองผ่านหน้าเว็บไซต์หมวดโรงพยาบาลที่ เช่ารถตู้รับส่งโรงพยาบาล พร้อมคนขับ
ปลายทางยอดนิยม (มีลิงก์รายละเอียดเส้นทาง)
🚐 คลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา – ตรวจสุขภาพและติดตามอาการ
🚐 โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ – ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางหลายสาขา
🚐 โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ – เหมาะกับการไปตามนัดหรือรับ–ส่งกลับบ้าน
🚐 โรงพยาบาลศิริราช – เส้นทางและที่จอดซับซ้อน ควรมีคนขับชำนาญพื้นที่
🚐 โรงพยาบาลราชวิถี – นัดตรวจและทำหัตถการ
🚐 โรงพยาบาลรามาธิบดี – ตรวจติดตามระยะยาวและแผนกเฉพาะทาง
เคสการใช้งานที่พบบ่อย
ออกจากโรงพยาบาล (Discharge): รับกลับบ้านพร้อมสัมภาระและอุปกรณ์การแพทย์
นัดตรวจ/ตรวจพิเศษ: สแกน MRI, CT, Endoscopy, เวชศาสตร์ฟื้นฟู
ผ่าตัดเล็ก/ทำหัตถการ: เดินทางสะดวก พักผ่อนบนรถได้
ผู้สูงอายุ/ผู้ป่วยเรื้อรัง: ไป–กลับฟอกไต ฉีดยา ทำแผล ติดตามอาการ
รับ–ส่งญาติต่างจังหวัด: นัดหมายเวลาชัดเจน ลดการเปลี่ยนรถ
สิ่งที่ควรเตรียมก่อนเดินทาง
บัตรประชาชน/บัตรนัด/เอกสารสิทธิการรักษา
ยาประจำตัวและอุปกรณ์จำเป็น เช่น ไม้เท้า รถเข็นแบบพับ
หมายเลขตึก/แผนก/เวลานัด เพื่อเผื่อเวลาเดินทางและหาที่จอด
เบอร์ติดต่อผู้ดูแล/ญาติที่ปลายทาง
รูปแบบบริการที่ยืดหยุ่น
ไป–รอ–รับ: ส่งถึงตึก/แผนก แล้วให้รถรอรับกลับเมื่อเสร็จธุระ
รับ–ส่งต่างช่วงเวลา: ส่งไปก่อน แล้วนัดเวลารับกลับภายหลัง
แวะหลายจุด: แวะรับญาติ หรือเอกสารได้ หากแจ้งล่วงหน้า
คำแนะนำด้านเวลาและเส้นทาง
สำหรับโรงพยาบาลใหญ่ในเมือง แนะนำให้ออกเดินทางก่อนเวลานัดอย่างน้อย 90–120 นาทีในชั่วโมงเร่งด่วน และเผื่อเวลาเดินจากลานจอดไปยังแผนกปลายทาง โดยเฉพาะพื้นที่อย่างศิริราช รามาธิบดี และจุฬาลงกรณ์ที่มีหลายอาคาร
จองล่วงหน้าได้ที่หน้าโรงพยาบาล
ต้องการดูรายละเอียดเส้นทาง เวลา และเงื่อนไขการเดินทางสำหรับแต่ละโรงพยาบาล สามารถดูได้ที่หน้า รวมปลายทางโรงพยาบาล หรือเลือกดูหน้าเฉพาะแห่งได้ที่ คลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา, จุฬาภรณ์, จุฬาลงกรณ์, ศิริราช, ราชวิถี, และ รามาธิบดี
สรุปแล้ว…